บัตรเสมือนเครดิต เพื่อการรับ – จ่ายเงินออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันได้มีบัตรเสมือน ที่นำมาอัพเกรดใช้แทน บัตรเครดิตเพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ได้
มีที่นิยม และแนะนำว่าใช้ได้ง่าย 2 ชนิด จาก 2 ธนาคารที่รองรับ
1. K-web shoping card จากบริการ k-cyber banking ของ ธนาคารกสิกรไทย
2. Be1st อัพเกรดจากบัตรเดบิต(ATM) ของ ธนาคารกรุงเทพ ฯ
หน้านี้แนะนำสำหรับผู้ที่มีบัญชีของธนาคารกรุงเทพ ฯ อยู่แล้ว หรือสะดวกที่จะใช้บริการธนาคารนี้
อ่านแล้วทำตามขั้นตอน คุณก็จะสามารถมีบัตรเครดิตที่ใช้ รับ – จ่าย ออนไลน์ได้ทันที
(คนละส่วนกับ การรับ-ส่ง-โอนเงินปกติของธนาคาร ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วไป)
ให้เตรียมบัตรประชาชน + ค่าธรรมเนียมบัตร ( 300 บาท ) + เงินฝาก 500 บาท
ขอเปิดบัญชีออมทรัพย์ ก็จะได้บัตร Be1st มาใช้
บัตร Be1st ( บีเฟิร์ส ) คือ บัตร ATM ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ มีสัญลักษณ์ VISA อยู่หน้าบัตร
บางสาขาจะให้รอ 7 วัน (ระบบ ธ.กรุงเทพฯ บางสาขาล้าหลัง ส่วนใหญ่ต่างจังหวัด ลองถามดูว่าทำไมบางสาขาได้บัตรทันที เจ้าหน้าที่บางคนไม่ได้อัพเดทข้อมูลเลย ทางธนาคารปรับระบบให้รับบัตรได้โดยไม่ต้องรอ 7 วันแล้ว)
2. บัตร Be1st รุ่นใหม่ ที่มีเลข 3 ตัวหลังบัตร ก่อนนำไปสมัคร Paypal ต้องทำขั้นตอนการ Verified by Visa กับ ธ.กรุงเทพฯ ก่อน มีขั้นตอนเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- กด 1 เลือกภาษาไทย
- กด 7 เพื่อสมัครใช้บริการ Verified by Visa
- กด 1 ยืนยัน เพื่อทำการตั้งหมายเลขอ้างอิงสำหรับลงทะเบียน Verified by Visa
- กดหมายเลข16 หลัก หน้าบัตร Be1st ของคุณ
- กดเลขบัตร เอทีเอ็ม 4 หลัก (หรือ รหัสลับส่วนตัว (PIN) ของคุณ กรณีทำบัตรมาใหม่ ๆ)
- กดตั้งหมายเลขอ้างอิง 8 หลักที่คุณต้องการ และกด #
- กดหมายเลขอ้างอิง 8 หลัก เดิมอีกครั้งอีกครั้งเพื่อทำการยืนยัน และ กด #
เป็นอันเสร็จสิ้นการขอหมายเลขอ้างอิง(Reference Code)
นำเลขอ้างอิง 8 หลักที่ตั้งเสร็จ ไป Verified by Visa ที่ลิ้งค์ หน้าเว็บไซต์ของ ธ.กรุงเทพ ฯ
https://ipay.bangkokbank.com/bblenroll/bkkCard.aspx?pg=0
2. Verify identity ตรงนี้ให้ใส่หมายเลขอ้างอิง 8 หลัก ที่ตั้งไว้ทางโทรศัพท์ กด next3. Create password จะมีช่องให้กรอก
3.1 ข้อความอ้างอิง ตั้งอะไรก็ได้เป็นภาษาอังกฤษ
3.2 ตั้งพาสเวิร์ด 6 หลักเป็นตัวเลขอย่างเดียว แล้วกรอกพาสเวิร์ดซ้ำ 2 ช่องต้องเหมือนกัน
3.3 กรอกอีเมลที่ติดต่อได้สะดวก
3.4 เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ติดต่อได้ ระบบจะใส่ 0 ไว้ให้ ใส่เลข 8….ต่อได้เลย
4. Terns Conditions ตรงนี้เป็นหน้าต่าง กฎกติกา ให้อ่านแล้วติ๊ก ยอมรับ กด next5. สมบูรณ์
- กด 3
- กด 3 อีกครั้ง
- กดหมายเลข 16 หลัก หน้าบัตร Be1st
- กดเลขบัตร เอทีเอ็ม 4 หลัก
- กด 2 เพื่อตั้งวงเงิน
- กด 1 เพื่อตั้งวงเงิน 2 หมื่นบาท
หมายเหตุ : วงเงินที่ตั้งคือ วงเงินที่จะใช้จ่ายออนไลน์สูงสุดได้ในแต่ละวัน ไม่ได้หมายถึงจะต้องมีเงินในบัญชีถึงจะสมัครได้ และสามารถเข้ามาเปลี่ยนเพิ่มหรือลดได้ตลอดเวลา
k-web shopping card หรือ k-web card (ชื่อ เก่าคือ e-web card)
ในบริการ k-cyber banking
- มีบัญชีเงินฝากของธนาคาร กสิกรไทย
- เป็นสมาชิก K-Cyber Banking
ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมรายปี 200 บาท
- พิเศษ ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี (ปีแรก)
ค่าใช้จ่ายในการทำ K-Web Card
- ค่าเปิดบัญชีธนาคาร ฟรี
- ค่าบัตร ATM 200-500 บาท
(ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพื่อไม่เสียเงินเพิ่มในส่วนนี้)
- ค่าเปิดใช้ K-Cyber Banking ฟรี
- ค่าเปิดใช้ K-Web Card ฟรี
- ฝากเงินในบัญชี 500 บาท
เบ็ดเสร็จ 500 – (1,000) บาท (ค่า ATM เป็นตัวแปร)
บริการ ทำธุรกรรมผ่านเน็ต เช่น โอนเงิน, ชำระเงิน, ดูรายการเคลื่อนไหว โดยไม่ต้องไปธนาคาร เรียกธนาคารออนไลน์ ของธนาคารกสิกรไทย ว่า K-Cyber Banking
ต่อไปจะเป็นการเพิ่มบัตรลงใน AlertPay
มีที่นิยม และแนะนำว่าใช้ได้ง่าย 2 ชนิด จาก 2 ธนาคารที่รองรับ
1. K-web shoping card จากบริการ k-cyber banking ของ ธนาคารกสิกรไทย
2. Be1st อัพเกรดจากบัตรเดบิต(ATM) ของ ธนาคารกรุงเทพ ฯ
หน้านี้แนะนำสำหรับผู้ที่มีบัญชีของธนาคารกรุงเทพ ฯ อยู่แล้ว หรือสะดวกที่จะใช้บริการธนาคารนี้
อ่านแล้วทำตามขั้นตอน คุณก็จะสามารถมีบัตรเครดิตที่ใช้ รับ – จ่าย ออนไลน์ได้ทันที
(คนละส่วนกับ การรับ-ส่ง-โอนเงินปกติของธนาคาร ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วไป)
Be1st บัตรบีเฟิร์ส ของ ธนาคารกรุงเทพ ฯ
อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิต
สามารถนำบัตรเดบิต ( ATM ) คือ บัตร Be1st ( บี-เฟิร์ส ) ของธนาคารกรุงเทพ ฯ เอามา Verify เพื่อใช้เป็น เสมือนบัตรเครดิตออนไลน์ได้ผู้มีบัตร Be1st อยู่ก่อนแล้ว สามารถ Verify นำมาใช้ได้เลย
สำหรับผู้ที่จะทำบัตรใหม่ให้เตรียมบัตรประชาชน + ค่าธรรมเนียมบัตร ( 300 บาท ) + เงินฝาก 500 บาท
ขอเปิดบัญชีออมทรัพย์ ก็จะได้บัตร Be1st มาใช้
บัตร Be1st ( บีเฟิร์ส ) คือ บัตร ATM ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ มีสัญลักษณ์ VISA อยู่หน้าบัตร
บัตร be1st (บีเฟริส) มี 3 แบบ
1. บีเฟริสทั่วๆไป มี csc 9 ตัวด้านหลังบัตร ดูรูปตัวอย่าง
2. แบบ International มี csc 3 ตัว หลังบัตร
3. แบบไม่มี csc ด้านหลังบัตร ให้ใช้ เลข 000 แทน (อาจใช้ไม่ได้ ต้องลองดูก่อน)
3. แบบไม่มี csc ด้านหลังบัตร ให้ใช้ เลข 000 แทน (อาจใช้ไม่ได้ ต้องลองดูก่อน)
ข้อมูลของ บัตรที่ต้องใช้ | |
เลขบัตร 16 หลัก | อยู่ด้านหน้าบัตร (วงกลมที่ 1) |
วันเดือนปีที่หมดอายุ | อยู่ด้านหน้าบัตร (วงกลมที่ 2) บัตรใครไม่มีวันที่ ให้ตั้งวันที่หมดอายุเอง โดยตั้งปีหมดอายุเกิน 4 ปีขึ้นไป |
ชื่อเจ้าของบัตร | อยู่ด้านหน้าบัตร (วงกลมที่ 3) |
เลข CSC 3 ตัว ท้าย | อยู่ด้านหลังบัตร (วงกลมที่ 4) ถ้าใครไม่มี ให้ลองใช้ 000 |
การเตรียมบัตร Be1st ให้พร้อมใช้ในระบบออนไลน์
1. บัตร Be1st รุ่นหลังบัตร ไม่มีเลข 3 ตัว ให้นำบัตรไปเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ นำสมุดบัญชี บัตรประชาชน และ บัตร Be1st ไปที่สาขาของบัญชี ขอทำบัตรรุ่นใหม่มีเลข 3 ตัวหลังบัตร บางสาขาจะรับบัตรได้เลยบางสาขาจะให้รอ 7 วัน (ระบบ ธ.กรุงเทพฯ บางสาขาล้าหลัง ส่วนใหญ่ต่างจังหวัด ลองถามดูว่าทำไมบางสาขาได้บัตรทันที เจ้าหน้าที่บางคนไม่ได้อัพเดทข้อมูลเลย ทางธนาคารปรับระบบให้รับบัตรได้โดยไม่ต้องรอ 7 วันแล้ว)
2. บัตร Be1st รุ่นใหม่ ที่มีเลข 3 ตัวหลังบัตร ก่อนนำไปสมัคร Paypal ต้องทำขั้นตอนการ Verified by Visa กับ ธ.กรุงเทพฯ ก่อน มีขั้นตอนเป็น 3 ส่วน ดังนี้
โทรศัพท์ไป Verified ที่ 1333 หรือ +66-2645-5555
โทรศัพท์ไป Verified ที่ 1333
- กด 7 เพื่อสมัครใช้บริการ Verified by Visa
- กด 1 ยืนยัน เพื่อทำการตั้งหมายเลขอ้างอิงสำหรับลงทะเบียน Verified by Visa
- กดหมายเลข16 หลัก หน้าบัตร Be1st ของคุณ
- กดเลขบัตร เอทีเอ็ม 4 หลัก (หรือ รหัสลับส่วนตัว (PIN) ของคุณ กรณีทำบัตรมาใหม่ ๆ)
- กดตั้งหมายเลขอ้างอิง 8 หลักที่คุณต้องการ และกด #
- กดหมายเลขอ้างอิง 8 หลัก เดิมอีกครั้งอีกครั้งเพื่อทำการยืนยัน และ กด #
เป็นอันเสร็จสิ้นการขอหมายเลขอ้างอิง(Reference Code)
นำเลขอ้างอิง 8 หลักที่ตั้งเสร็จ ไป Verified by Visa ที่ลิ้งค์ หน้าเว็บไซต์ของ ธ.กรุงเทพ ฯ
https://ipay.bangkokbank.com/bblenroll/bkkCard.aspx?pg=0
การทำ บีเฟิร์ส ที่ลิงค์ของธนาคาร มี 5 ขั้นตอน
1. ใส่เลข 16 หลัก หน้าบัตร บีเฟิร์ส กด next2. Verify identity ตรงนี้ให้ใส่หมายเลขอ้างอิง 8 หลัก ที่ตั้งไว้ทางโทรศัพท์ กด next3. Create password จะมีช่องให้กรอก
3.1 ข้อความอ้างอิง ตั้งอะไรก็ได้เป็นภาษาอังกฤษ
3.2 ตั้งพาสเวิร์ด 6 หลักเป็นตัวเลขอย่างเดียว แล้วกรอกพาสเวิร์ดซ้ำ 2 ช่องต้องเหมือนกัน
3.3 กรอกอีเมลที่ติดต่อได้สะดวก
3.4 เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ติดต่อได้ ระบบจะใส่ 0 ไว้ให้ ใส่เลข 8….ต่อได้เลย
4. Terns Conditions ตรงนี้เป็นหน้าต่าง กฎกติกา ให้อ่านแล้วติ๊ก ยอมรับ กด next5. สมบูรณ์
ตั้งวงเงินในการใช้จ่ายสินค้า โทรไปที่ 1333 อีกครั้ง
- กด 1 เลือกภาษาไทย- กด 3
- กด 3 อีกครั้ง
- กดหมายเลข 16 หลัก หน้าบัตร Be1st
- กดเลขบัตร เอทีเอ็ม 4 หลัก
- กด 2 เพื่อตั้งวงเงิน
- กด 1 เพื่อตั้งวงเงิน 2 หมื่นบาท
หมายเหตุ : วงเงินที่ตั้งคือ วงเงินที่จะใช้จ่ายออนไลน์สูงสุดได้ในแต่ละวัน ไม่ได้หมายถึงจะต้องมีเงินในบัญชีถึงจะสมัครได้ และสามารถเข้ามาเปลี่ยนเพิ่มหรือลดได้ตลอดเวลา
เสร็จสิ้นขั้นตอนทำบัตร Be1st
ขั้นตอนเตรียมบัตร K-Web Card (บัตรเคเว็บการ์ด)
ผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิต เพื่อใช้ทำธุรกิจ สามารถใช้ บัตรเคเว็บ ของธนาคารกสิกรไทยได้k-web shopping card หรือ k-web card (ชื่อ เก่าคือ e-web card)
ในบริการ k-cyber banking
เป็นบัตรซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตของกสิกรไทย ออกให้ผู้ถือบัญชีกสิกรไทยได้ใช้ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เอกสารอะไรมากมาย สามารถเปิดใช้ได้ง่าย และรวดเร็ว นอกจากนี้ได้ผ่านการรับรองความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
เริ่มการทำบัตร K-Web Card
เงื่อนไขการใช้บริการ- มีบัญชีเงินฝากของธนาคาร กสิกรไทย
- เป็นสมาชิก K-Cyber Banking
ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมรายปี 200 บาท
- พิเศษ ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี (ปีแรก)
ค่าใช้จ่ายในการทำ K-Web Card
- ค่าเปิดบัญชีธนาคาร ฟรี
- ค่าบัตร ATM 200-500 บาท
(ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพื่อไม่เสียเงินเพิ่มในส่วนนี้)
- ค่าเปิดใช้ K-Cyber Banking ฟรี
- ค่าเปิดใช้ K-Web Card ฟรี
- ฝากเงินในบัญชี 500 บาท
เบ็ดเสร็จ 500 – (1,000) บาท (ค่า ATM เป็นตัวแปร)
บริการ ทำธุรกรรมผ่านเน็ต เช่น โอนเงิน, ชำระเงิน, ดูรายการเคลื่อนไหว โดยไม่ต้องไปธนาคาร เรียกธนาคารออนไลน์ ของธนาคารกสิกรไทย ว่า K-Cyber Banking
ตัวอย่าง เคเว็บการ์ด จะเป็นเลขบัญชีเท่านั้น ไม่ได้เป็นตัวบัตร
ดูได้ในบัญชี ธนาคารกสิกรออนไลน์ ของเราเอง
การเปิดสมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย พร้อมกับการเปิดบริการ K-Cyber Banking
1. นำบัตรประชาชน ไปเปิดบัญชีออมทรัพย์ ที่ธนาคารกสิกรไทย พร้อมทั้งบอกว่า ขอเปิดใช้บริการ K-Cyber Banking ด้วย (เค-ไซเบอร์-แบ้งกิ้ง) เจ้าหน้าที่จะเอาแบบฟอร์มให้กรอก ต้องกรอกอีเมล์ และเบอร์มือถือ (เอาไว้รับรหัสทาง sms)
(หากไม่มีอีเมล์ ให้เปิดอีเมล์เอาไว้ก่อนไปธนาคาร)
(หากไม่มีอีเมล์ ให้เปิดอีเมล์เอาไว้ก่อนไปธนาคาร)
*ถ้ามีบัญชีกสิกรอยู่แล้ว เพียงนำสมุดบัญชี-บัตรประชาชน ไปขอเปิด K-Cyber Banking (สาขาไหนก็ได้)*
2. กลับมารออีเมล์จากธนาคาร ประมาณไม่เกิน 24 ชม. เพื่อทำขั้นตอนต่อไป
เริ่มเปิดใช้ K-Cyber Banking
1. เข้าเว็บไซต์
เลือกระบบภาษา เป็นภาษาไทย ตามภาพ
ชื่อผู้ใช้งาน พิมพ์ ……….(หมายเลขบัญชีธนาคาารของคุณ)
รหัสผ่าน พิมพ์ ………….(หมายเลข PIN 1 ที่ธนาคารให้มา)
ชื่อผู้ใช้งาน พิมพ์ ……….(หมายเลขบัญชีธนาคาารของคุณ)
รหัสผ่าน พิมพ์ ………….(หมายเลข PIN 1 ที่ธนาคารให้มา)
คลิก เข้าสู่ระบบ
2. อ่านเงื่อนไข ตามภาพ แล้ว คลิก ยอมรับ
3. กรอกรายละเอียด
กำหนดชื่อผู้ใช้งาน
ชื่อผู้ใช้งาน พิมพ์ ชื่อที่เราต้องการใช้ Login กำหนด 6-8 ตัวอักษร โดย เป็นตัวอักษรทั้งหมด,ตัวเลขทั้งหมด หรือ ผสมกันก็ได้
ยืนยันผู้ใช้งานอีกครั้ง พิมพ์ เหมือนเดิมอีกครั้ง
ชื่อผู้ใช้งาน พิมพ์ ชื่อที่เราต้องการใช้ Login กำหนด 6-8 ตัวอักษร โดย เป็นตัวอักษรทั้งหมด,ตัวเลขทั้งหมด หรือ ผสมกันก็ได้
ยืนยันผู้ใช้งานอีกครั้ง พิมพ์ เหมือนเดิมอีกครั้ง
กำหนดรหัสผ่าน
รหัสผ่านเดิม พิมพ์ รหัส PIN 1
รหัสผ่านใหม่ พิมพ์ รหัส ที่เราต้องการ ให้มี 8-10 ตัวอักษร โดยเป็นตัวอักษรทั้งหมด,ตัวเลขทั้งหมด หรือ ผสมกันก็ได้
ยืนยันรหัสผ่านใหม่อีกคร้ง พิมพ์ รหัสใหม่อีกครั้งให้เหมือนกัน
รหัสผ่านเดิม พิมพ์ รหัส PIN 1
รหัสผ่านใหม่ พิมพ์ รหัส ที่เราต้องการ ให้มี 8-10 ตัวอักษร โดยเป็นตัวอักษรทั้งหมด,ตัวเลขทั้งหมด หรือ ผสมกันก็ได้
ยืนยันรหัสผ่านใหม่อีกคร้ง พิมพ์ รหัสใหม่อีกครั้งให้เหมือนกัน
*จดชื่อผู้ใช้งาน และรหัสผ่านใหม่ เอาไว้ใส่สมุดเพื่อกันลืม
4. กรอกข้อมูลของคุณช่องที่มีเครื่องหมาย (*) ต้องพิมพ์ให้ครบ
5. ตรวจดูข้อมูลของคุณว่าครบหรือไม่อีกครั้ง ถ้าครบ กดปุ่ม ยืนยัน
6. รหัสรักษาความปลอดภัย
รหัสรักษาความปลอดภัยใหม่ พิมพ์ รหัสความปลอดภัยที่คุณตั้งขึ้นต้องมี 10-12 ตัวอักษร โดยเป็นตัวอักษรทั้งหมด,ตัวเลขทั้งหมดหรือผสมกันก็ได้
ยืนยันรหัสรักษาความปลอดภัยใหม่อีกครั้ง พิมพ์ รหัสความปลอดภัยที่คุณตั้งขึ้นอีกครั้งให้เหมือนกัน
**แนะนำให้ใช้รหัส OTP โดยเลือกที่ช่องแล้วใส่หมายเลขโทรศัพท์ลงไป โดยทุกๆครั้งที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเว็บ จะมีการแจ้ง Password ไปที่โทรศัพท์ ทำให้เราไม่ต้องจำ แล้ว Password แต่ละครั้งก็จะไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะปลอดภัยมาก
**แนะนำให้ใช้รหัส OTP โดยเลือกที่ช่องแล้วใส่หมายเลขโทรศัพท์ลงไป โดยทุกๆครั้งที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเว็บ จะมีการแจ้ง Password ไปที่โทรศัพท์ ทำให้เราไม่ต้องจำ แล้ว Password แต่ละครั้งก็จะไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะปลอดภัยมาก
7. เจอหน้านี้ ก็เรียบร้อย กับการตั้งค่าเมื่อเข้าสู่บริการครั้งแรก
8. เข้าสู่หน้าจอหลัก
เป็นหน้าสมาชิกในเว็บกสิกรไทยของคุณเอง ส่วนนี้คือส่วน ที่เค้าเรียกกันว่า บริการ K-Cyber Banking ที่คุณจะสามารถใช้บริการธนาคารออนไลน์ได้ โดยเฉพาะการดูรายการเคลื่อนไหวบัญชี เช่นการรับเงิน ถอนเงิน โอนเงิน ชำระเงิน ต่างๆเป็นต้น
คุณก็สามารถคลิกดูที่เมนูต่างๆได้ ลองหัดใช้ดูได้เลย
หลังจากเวลาผ่านไป 1 วัน
Loginเข้าไป ที่เว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทย
ด้วย Username และ Password ใหม่ ที่ได้ตั้งไป (ที่จดเอาไว้)
คลิกที่ ดูรายละเอียดบัตร ที่เมนูด้านซ้ายมือ
เลือกบัญชีที่มีตัวเลข 16 หลัก (ที่ยาวกว่า) คือเลขเคเว็บการ์ดที่เราได้มา
ถ้ามี เพียง 1 บัญชี แสดงว่า ทางธนาคาร ยังไม่ได้ส่ง เลขที่ K-web Card มาให้
ต้องรอ หากเกิน 24 ชม. นับจากวันที่ขอบัตร (ข้อ 14) ก็สามารถโทรไปเร่งธนาคารได้
ต้องรอ หากเกิน 24 ชม. นับจากวันที่ขอบัตร (ข้อ 14) ก็สามารถโทรไปเร่งธนาคารได้
รายละเอียด ของ เคเว็บการ์ด
ต่อไปจะเป็นการเพิ่มบัตรลงใน AlertPay
หลัง จากที่ได้แอ๊ดบัตรเดบิทในบัญชี Alertpay แล้วเราสามารถใช้เงินผ่านบัตรได้ 500$ แต่สำหรับท่านที่ต้อง การอัพ ND1 ให้ทำการ Validate Card ตามขั้นตอนข้างนี้ครับ เพื่อให้สามารถใช้เงินผ่านบัตรได้ 1000$
ล๊อกอินเข้า Alertpay ไปที่ >> Profile >> Credit Cards แล้วทำตามรูปข้างล่างครับเมื่อถึงขั้นตอนข้างล่างนี้ให้รอยอดเงินยูเอส ที่ถามจาก 1333 มาก่อนนะครับ ไม่งั้นบัตรอาจถูกล๊อคได้นะครับเมื่อทำมาถึงขั้นตอนนี้ให้หยุดเพื่อรอให้ทาง Alertpay ตัดยอดเงินจากบัตรไปก่อน ประมาณ 3 วันทำการให้เอาสมุดบัญชีไปปรับดู ถ้าเห็นว่ามียอดเงินถูกตัดไปประมาณ 40-70 บาท ถ้าเป็นบัตร Be1st ให้โทรไป 1333 หรือ 0-2645-5555 เพื่อสอบถามยอดเงินที่ตัดไป ให้ถามเจ้าหน้าที่ว่าเงินที่ตัดไปเป็นเงิน ยูเอส หรือยูโร นั้นเป็นยอดเงินเท่าไร ต้องโทรไปถามนะครับห้ามคำนวนเอาเอง ถ้าผิด 3 ครั้งบัตรจะโดนล๊อคและไม่สามารถแอ๊ดกับ Alertpay ได้อีกครับ เมื่อได้ยอดเงินมาแล้ว ประมาณ 1.XX ให้ทำตามรูปข้าล่างนี้ครับครับ
เสร็จเรียบร้อยครับสำหรับการ Verified บัตรเดบิท Be1st ตอนนี้ใช้วงเงินได้ 1000$/เดือน แล้วครับ
พอแล้วที่จะอัพ ND1 ครับ
สำหรับท่านที่จะสมัครและอัพเป็น ND1 เลยทันที ให้ซื้อเหรียญมาอัพ Gold นะครับ วงเงินในบัตรจะได้ไม่ขาดครับ
หลัง จากที่ได้แอ๊ดบัตรเดบิทในบัญชี Alertpay แล้วเราสามารถใช้เงินผ่านบัตรได้ 500$ แต่สำหรับท่านที่ต้อง การอัพ ND1 ให้ทำการ Validate Card ตามขั้นตอนข้างนี้ครับ เพื่อให้สามารถใช้เงินผ่านบัตรได้ 1000$
ล๊อกอินเข้า Alertpay ไปที่ >> Profile >> Credit Cards แล้วทำตามรูปข้างล่างครับ
ล๊อกอินเข้า Alertpay ไปที่ >> Profile >> Credit Cards แล้วทำตามรูปข้างล่างครับ
เมื่อถึงขั้นตอนข้างล่างนี้ให้รอยอดเงินยูเอส ที่ถามจาก 1333 มาก่อนนะครับ ไม่งั้นบัตรอาจถูกล๊อคได้นะครับ
เมื่อทำมาถึงขั้นตอนนี้ให้หยุดเพื่อรอให้ทาง Alertpay ตัดยอดเงินจากบัตรไปก่อน ประมาณ 3 วันทำการ
ให้เอาสมุดบัญชีไปปรับดู ถ้าเห็นว่ามียอดเงินถูกตัดไปประมาณ 40-70 บาท ถ้าเป็นบัตร Be1st ให้โทรไป 1333 หรือ 0-2645-5555 เพื่อสอบถามยอดเงินที่ตัดไป ให้ถามเจ้าหน้าที่ว่าเงินที่ตัดไปเป็นเงิน ยูเอส หรือยูโร นั้นเป็นยอดเงินเท่าไร ต้องโทรไปถามนะครับห้ามคำนวนเอาเอง ถ้าผิด 3 ครั้งบัตรจะโดนล๊อคและไม่สามารถแอ๊ดกับ Alertpay ได้อีกครับ เมื่อได้ยอดเงินมาแล้ว ประมาณ 1.XX ให้ทำตามรูปข้าล่างนี้ครับครับ
เสร็จเรียบร้อยครับสำหรับการ Verified บัตรเดบิท Be1st ตอนนี้ใช้วงเงินได้ 1000$/เดือน แล้วครับ
พอแล้วที่จะอัพ ND1 ครับ
สำหรับท่านที่จะสมัครและอัพเป็น ND1 เลยทันที ให้ซื้อเหรียญมาอัพ Gold นะครับ วงเงินในบัตรจะได้ไม่ขาดครับ
พอแล้วที่จะอัพ ND1 ครับ
สำหรับท่านที่จะสมัครและอัพเป็น ND1 เลยทันที ให้ซื้อเหรียญมาอัพ Gold นะครับ วงเงินในบัตรจะได้ไม่ขาดครับ